ยุคโควิด-19แบบนี้ เหล่าร้านอาหารต่างต้องเตรียม 'ฉากกั้น' เพื่อให้ลูกค้าได้ 'Social Distancing' ระหว่างมากินข้าว ถึงแม้หลายคนอาจจะยังไม่กล้าฝ่าผู้คนออกไปเสี่ยงก็ไม่เป็นไร เพราะเราจะมาชวนแกะสูตร '5 เครื่องเคียงจาก 5 ร้านดัง' ที่ทำให้เรารู้สึกเหมือนไปกินที่ร้านจริงๆ! ไม่ว่าจะเป็นขนมปังชีสคู่สเต็ก ไชเท้าดองคู่ไก่ทอดเกาหลี หรือน้ำชาไว้จิบคู่สุกี้ร้อน แค่พูดก็น้ำลายสอแล้ว ฉะนั้นอย่ารอช้า ไปแกะสูตรพร้อมกันเลย!
ให้ 5 คะแนนเลยนะคะ เพราะได้กินเครันจิมส่วนใหญ่ในร้านอาจุมม่าใจดี เขาจะยกมาให้พร้อมกับรอยยิ้ม เราก็เอ๊ะ ไม่ได้สั่งนี่ อาจุมม่าบอกว่านี่คือ "ซอบีซือ" (คำว่า Service คนเกาหลีใช้ในสองความหมาย คือ บริการ และของแถม) เท่าที่สังเกตร้านไหนที่แถมเครันจิม เจ้าของร้านจะใจดีและน่ารักมากๆ เพราะจริงๆ ไม่ต้องเหนื่อยทำเครื่องเคียงร้อนๆ มาให้ก็ได้ มีกิมจิและตระกูลยำเป็นพื้นฐานก็พอ 5. กบชังกูอี / กบชังพกกึม (곱창구이/볶음 - Gobchang Gui / Bokkeum) - ไส้ย่าง/ผัด ให้คะแนนล้นๆ หกดาวไปเลยยย อีกหนึ่งเมนูที่ลว. ปลื้มปริ่ม เมนูไส้ย่าง/ไส้ผัด มีต้นตำรับมาจาก จ. แทกู ที่อยู่ภาคกลางตอนใต้ (กูอี = ย่าง / พกกึม = ผัด) แล้วก็ต้องแบ่งเป็น 2 ประเภทค่ะ กบชัง(หรือ โซชัง) คือลำไส้เล็กของวัวหรือหมู อันนี้ให้คะแนน 5 ดาวพอ แต่ที่อร่อยและอ้วนมากกก เรียกว่า "มักชัง" (หรือ แดชัง) คือส่วนของลำไส้ใหญ่ อวบๆ เค้าจะย่างแบบยาวๆ เลย พอสุกแล้วก็เอากรรไกรมาตัด ส่วนแบบผัดก็จะใส่น้ำพริกโคชูจัง ใบงาขี้ม้อน และเครื่องปรุงรสอื่นๆ ได้รสชาติเผ็ดนิดๆ และกลมกล่อม ได้เบียร์หรือโซจูด้วยก็จะดีมากๆเลย คนที่ไม่ชอบทานเครื่องในสัตว์ อาจจะพอกิน "มักชัง" ได้อยู่นะคะ ลว.
หนึ่งในอาหารต่างชาติยอดฮิตที่เราว่าหลายๆ คนรักมากก็คืออาหารเกาหลี ไม่ว่าจะเมนูไก่ทอด ไก่ผัด หรือเมนูปิ้งย่างที่มักจะมาพร้อมกับรสชาติเฉพาะตัวแบบหาทานที่อื่นไม่ได้ หากใครที่เป็นแฟนอาหารเกาหลีมักจะเคยสังเกตเห็นว่า นอกจากอาหารจานหลักแล้ว สิ่งที่มักจากมาเสิร์ฟพร้อมกับจานหลักแบบชุดใหญ่ไฟกระพริบก็คือเครื่องเคียง (반찬 พันชาน) วันนี้ Mango Zero พาไปเปิดโลกอาหารเกาหลี ทำความรู้จักเครื่องเคียงที่เรามักจะเจอบนโต๊ะอาหารกันบ่อยๆ เรียกให้ถูก เวลาขอเบิ้ลอาจุมม่าจะได้ไม่งงนะจ๊ะ *** ที่เรายกตัวอย่างมาเป็นเพียงแค่เครื่องเคียงบางส่วนที่นิยมเสิร์ฟให้เราเห็นกันบ่อยๆ เท่านั้นนะ จริงๆ แล้วเขายังมีอีกเพียบ!!
ย่างเข้าเดือนเมษายนทีไร ไอร้อนระอุก็ยิ่งทวีความรุนแรงราวกับว่าประเทศไทยห่างจากดวงอาทิตย์แค่นิดเดียว เสื้อฮาวายกับแว่นกันแดดเริ่มโผล่ให้เห็นจนชินตา ปัจจุบันมีวิธีคลายร้อนมากมาย และโชคดีที่มีนวัตกรรมเปลี่ยนโลกอย่างเครื่องปรับอากาศ ทำให้วิถีชีวิตของพวกเราไม่ถูกกระทบกระเทือนด้วยความร้อนจนเกินไป นั่งในห้องแอร์เย็นๆ แบบนี้ก็อดคิดไม่ได้ว่า แล้วสมัยก่อนผู้คนเขาอยู่ได้อย่างไรกัน? ด้วยความที่เป็นเมืองร้อน ผู้คนจึงต้องทำทุกวิถีทางเพื่อคลายร้อน ไม่เว้นแม้แต่เรื่องของกิน ถ้าเป็นสมัยนี้คงไม่ยากเท่าไรกระมัง เพราะมีทั้งตู้เย็น น้ำแข็ง และบิงซู แต่ย้อนกลับไปในอดีต มีเพียงน้ำที่ช่วยฟื้นคืนความสดชื่น ของกินจึงวนเวียนอยู่กับเรื่องน้ำๆ และข้าวแช่ก็เป็นหนึ่งในของกินดับร้อนมาแต่โบราณ ข้าวแช่แบบไทย? หากจะบอกว่าข้าวแช่เป็นอาหารไทยก็คงไม่ถูกต้อง เพราะจริงๆ แล้วข้าวแช่อย่างไทย เป็นอาหารที่ได้รับอิทธิพลมาจากมอญ เป็นของกินเพื่อเซ่นไหว้เหล่าทวยเทพในงานตรุษสงกรานต์ นอกจากนี้ยังทำเพื่อถวายพระและคนเฒ่าคนแก่ที่เคารพนับถือ นอกจากนั้นความสัมพันธ์ระหว่างสยามกับมอญมีมาอย่างยาวนาน การแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมได้นำพาข้าวแช่มายังสยาม จากอาหารชาวบ้านไม่นานก็เข้าวังและกลายเป็นอาหารชาววัง เนื่องจากสตรีชาวมอญจำนวนหนึ่งรับราชการฝ่ายใน และมีการปรุงข้าวแช่เพื่อถวายเจ้าฟ้าและเจ้านายชั้นต่างๆ และ ม.
สำหรับอาหารเอเชียนั้น คาร์โบไฮเดรตถือเป็นองค์ประกอบหลักของจานอาหาร ไม่ว่าจะเป็นเส้นก๋วยเตี๋ยวหรือข้าว แต่สำหรับอาหารตะวันตก องค์ประกอบหลักของจานอาหารนั้นแตกต่างจากอาหารเอเชียอย่างสิ้นเชิง เนื่องจากอาหารตะวันตกจะเน้นที่โปรตีน แต่อย่างไรก็ดี เรามาดูถึงเครื่องเคียงต่างๆของโปรตีนเหล่านี้กัน 1.
พาสต้า สลัดพาสต้า ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นจานเครื่องเคียงที่ค่อนข้างหนัก เพราะมักจะถูกเสิร์ฟมาพร้อมกับเดรสซิ่งมายองเนส แต่มันก็มีวิธีช่วยทำให้อาหารจานนี้กลายเป็นสลัดแบบไม่หนักจนเกินไปได้ ดังนี้ หั่นเนื้อไก่ย่างหรือเนื้อปลาย่างให้เป็นเส้นยาว ใส่มะกอก มะเขือเทศ เคเปอร์ แล้วตามด้วยเดรสซิ่งสมุนไพร เพียงเท่านี้ คุณก็จะได้สลัดพาสต้าแบบเบาๆ ที่ไม่ทำให้คุณอิ่มท้องจนเกินไปนั่นเอง สลัดเส้นโซบะญี่ปุ่นแบบเย็นกับเห็ด, สลัดพาสต้าซอสเพสโต้กับเห็ดหอมสดและถั่วเมล็ดสน เป็นต้น บทความที่เกี่ยวข้อง
5 ลิตร ใบเตย 8 กรัม เริ่มจากตั้งไฟใส่น้ำเปล่า 1. 5 ลิตรลงไปในหม้อ รอจนเดือดแล้วค่อยใส่ใบเตยลงไปต้มต่ออีกประมาณ 10 นาที จากนั้นปิดไฟ แล้วใส่ใบชาลงไปทิ้งไว้ 10 นาที ก่อนจะกรองใบชาออก เพียงเท่านี้ก็ได้หัวเชื้อน้ำชาเป็นที่เรียบร้อย ซึ่งวิธีการกินให้ใช้สัดส่วนน้ำชา และน้ำเปล่า 1:1 ต่อจากนั้นใส่น้ำแข็งลงไป เพื่อเพิ่มความเย็นสดชื่นถึงใจ Source: monkeytan Dent RungRoj AomAmmTaLonGin ฟูม่อน Wi Naibann Eat lifestyl Writer นักเขียนผู้หลงรักชาไทย ใส่ใจหมามากกว่าสุขภาพ และมีเรื่องตลกในชีวิตมากกว่าผลงานของรัฐบาล